วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พูดเป็น - พูดดี - พูดเพราะ

......สุพรรณี  บัวเนียม

.....ครูโรงเรียนวัดอภยาราม

          “การพูดเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตประจำวันของเรามาก ซึ่งทำให้เกิดความสุข ความสำเร็จ หรือล้มเหลวได้ง่าย ๆ  โดยเฉพาะอาชีพครูที่จะต้องพูดอยู่บ่อย ๆ ฉะนั้นเรามาดูกันเถอะว่าเราควรจะพูดอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคน  พูดเป็น  พูดดี และพูดเพราะกันค่ะ   
   
          ๑. เมื่อจะพูดกับใครต้องมีสติและรู้ว่าควรจะพูดเพราะ พูดให้ดีๆ อย่าพูด เพราะอยากพูด หรือพูดตามใจตัวเอง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ผลที่ได้รับอาจนำความหายนะมาสู่เรา จงพูดด้วยความรู้สึกรักเพื่อนมนุษย์ และมีสติเสมอ และพูดด้วยภาษา น้ำเสียง ความหมายอย่างที่เราอยากได้ยิน ไม่ใช่พูดแบบสะใจตัวเอง
      
          ๒. ต้องฝึกจิตใจให้มีความกรุณาเพื่อนมนุษย์เสมอ ๆ คุณจึงจะสามารถพูดกับคนอื่นได้อย่างมีสติและด้วยความรักการพูดที่ดีมากที่อยากเอ่ยถึงคือ การพูดชมเชย และการปลอบโยนปลอบใจคน
                ๓. การพูดชมเชยเพื่อให้กำลังใจคนอื่น ต้องรู้จัก จับถูกคือไม่ จับผิดผู้อื่น ถ้าใครก็ตามได้ทำสิ่งใดที่ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมแล้วถือว่าเขาถูกต้อง ใช้ได้แล้ว ไม่ควรไปวิจารณ์หรือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนมากคนชอบว่าคนอื่นทำไม่ถูกต้องเป็นเพราะตัวเองไม่ชอบสิ่งนั้น จึงคิดว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง นอกจากไม่วิจารณ์คนอื่นแล้ว ควรจะพูดชมเชยคนอื่นให้เป็นด้วย  จงชมในสิ่งที่เขามีดีหรือทำดี ประพฤติดี เท่าที่มองเห็นจริง ๆ ไม่ใช่ชมเชยแบบเกินจริง หรือชมแบบเสแสร้งไม่จริงใจ  จงพูดด้วยความรู้สึกจากใจว่าเขาทำเต็มที่แล้ว ทำได้แค่ไหนแค่นั้น ก็นับว่าเป็นการทำที่ดีมาก เก่งมากแล้ว โดยไม่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ดีกว่าหรือหรือด้อยกว่า ควรพูดชมเชยให้กำลังใจเขา...
     
          ๔. การปลอบใจคน เป็นวิธีการพูดที่เป็นเสน่ห์อย่างมาก ยามที่คนหมดกำลังใจหรือทำสิ่งใดผิดพลาดไป หรือมีความทุกข์ คุณไม่ควรซ้ำเติม หรือพูดยกย่องตัวเองแล้วกล่าวถึงความด้อยของเขาให้เสียกำลังใจ  คุณควรจะพูดถ่อมตัวเองทำนองว่า เคยทำผิดพลาดในบางเรื่องเช่นกัน และพูดยกย่องเขาว่าเขามีความดี ความเด่นอีกหลาย ๆ อย่างที่สามารถทำให้เขาประสพความสำเร็จในครั้งต่อ ๆ ไป เป็นการให้ความหวังแก่เขา  และควรเสนอตัวคุณเองเพื่อช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ถ้าจะเลี้ยงน้ำหวานเขาสักแก้วก็ดี เขาจะไม่ลืมบรรยากาศของการพูดคุยวันนั้นเลย

          อย่าไปพูดว่า “ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย” หรือ ถ้าเป็นฉัน ไม่ทำอย่างนี้หรอก”  เขาจะนึกว่าเขาทำความผิด และทำให้คนอื่นผิดหวังมากขึ้น     

          เคยมีนักเรียนคนหนึ่งสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติด ครูพูดกับนักเรียนว่า....ไม่น่าเลยที่เธอเป็นคนเก่ง ทำไมสอบไม่ติด ครูอีกคนพูดว่า...ไม่น่าเลยนะ โรงเรียนหวังจะได้ชื่อเสียงจากเธอ” (เพราะเขาเป็นเด็กเรียนเก่ง)อีกคนพูดว่า...ไม่น่าเลยนะ นักเรียนอีกคนที่เก่งสู้เขาไม่ได้ กลับสอบติด”... เด็กนักเรียนคนนั้นกลับบ้านด้วยความน้อยใจและกินยาตายในที่สุด ก็เพราะคำว่า ไม่น่าเลย ๆ ๆ ๆ นี่แหละ จงหัดปลอบโยนคนให้เป็นไม่ใช่อยากปลอบโยนแต่ไปทำให้เขาทุกข์มากขึ้นอีก

          ๕. ประโยคที่ใช้ปลอบใจตัวเองหรือคนอื่นได้ดีที่คุณควรใช้บ่อย ๆ ได้แก่                      ไม่เป็นไรหรอก                 เดี๋ยวก็ดีขึ้น                 ช่างมันเถิด                 เดี๋ยวมันก็ผ่านไป                 รับรองว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้นแน่ ๆ                 โธ่! เรื่องเล็กน่า...                 ใคร ๆ ทำผิดกันได้ทั้งนั้น                 ฉันก็เคยทำผิดมาแล้วเหมือนกัน                           คนที่มีวุฒิภาวะ ชีวิตมีคุณภาพ จะเป็นคนพูดเป็น พูดเพราะเสมอ  และรู้ตัวว่ากำลังพูดกับใคร ที่ไหน อย่างไร รู้กาลเทศะ มีเมตตากรุณาเสมอเพราะจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักมนุษย์  ดังนั้น ในการจัดการเรียนรู้ ครูจึงควรคำนึงถึงคำพูดที่ใช้กับนักเรียน  หากนักเรียนได้ฟังคำพูดที่เป็นปิยวาจา จะทำให้รู้สึกเหมือนมีน้ำทิพย์มาชโลมใจ รู้สึกเป็นมิตร ซาบซึ้งและไว้วางใจครูมากขึ้น

......................................................................

5 ความคิดเห็น:

ข่าวการศึกษา