โดยคุณครูศันสนีย์ เพชรย้อย...
โรงเรียนวัดอภยาราม
# เมื่อไม่มีใครเห็นคุณค่า
“เมื่อหนูเอาการ์ดวันแม่ที่ตั้งใจทำสุดฝีมือไปให้แม่ ...แม่บอกว่า.....ขอบใจมากลูก
แต่ เอ.....กลีบดอกไม้ดอกนี้หนูยังไม่ได้ระบายสีเลยนี่นา
เมื่อหนูอวดแม่ว่า
วันนี้สอบภาษาอังกฤษได้ที่ 1 ของห้อง
...แม่ถามว่า....แล้วเป็นที่เท่าไหร่ของระดับชั้นคะลูก
เมื่อหนูเทน้ำไปให้แม่เมื่อแม่กลับจากทำงาน...แม่บอกว่า....วันหลังอย่าใช้แก้วใบนี้มันแพงเดี๋ยวลูกจะทำแตกเอาจ๊ะ”
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคำบอกเล่า ของน้ำใสเด็กผู้หญิงอายุ 10 ปี คนหนึ่ง และในทุกเหตุการณ์ น้ำใสก็จะหน้าจ๋อย คอตก
เดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปเงียบๆ
โดยที่แม่ไม่ทันสังเกตว่าลูกเป็นอะไรจนกระทั่ง...เมื่อลูกเริ่มโตเป็นวัยรุ่น
พ่อแม่เริ่มสังเกตว่า น้ำใสเป็นเด็กไม่มีความมั่นใจ แม้คิดอยากทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าเริ่มทำนอกจากนั้น เวลาอยู่กับพ่อแม่ก็ดูหงุดหงิดอยู่เสมอ
ความเสียหายอันเกิดจากสิ่งที่ดำเนินต่อเนื่องมานานเป็น
10 ปี ในกรณีของน้ำใส คงต้องการเวลาในการซ่อมแซมอยู่พอสมควร
แต่หมอนำเรื่องนี้มาเล่าเพื่อเตือนใจคุณพ่อคุณแม่ค่ะว่า
ความตั้งใจและพยายามของลูกนั้นเป็นสิ่งมีคุณค่ามหาศาลที่ควรค่าแก่การถูกจัดลำดับความสำคัญไว้เหนือความสมบูรณ์แบบหรือความเป็นหนึ่ง
เพราะหากพ่อแม่เห็นคุณค่าของความตั้งใจและพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ซึ่งก็คงจะไม่แปลกอะไรหากบุคคลที่มีบุคลิกภาพแบบนี้จะประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
แต่หากเขารู้สึกว่าความตั้งใจและพยายามของเขานั้นไร้ความหมายเขาก็จะรู้สึกท้อแท้ไม่อยากคิด ไม่อยากทำและแน่นอนว่า ความสำเร็จก็มักจะยิ่งห่างไกลออกไปทุกทีอย่าปล่อยให้กลีบดอกไม้บนงานฝีมือหรือลำดับที่ในชั้นเรียนของลูกกลายเป็นเหตุให้เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเองนะค่ะ
...อ้างอิงจาก หมอก้อย
เพจเลี้ยงลูกให้เป็นคนปกติ
Crภาพจากhttp://www.twinlifeonline.co. Ukltoddlers/handprint-cards-spaghetti-art