โดย...นางวรรณี
เพ็งประไพ
ครูโรงเรียนวัดอภยาราม...
ในการเรียนการสอนของครูจะประสบปัญหาในเรื่องนักเรียนคิดไม่เป็น
ขาดทักษะทางการคิดโดยเฉพาะการเรียนเรื่องโจทย์ปัญหาในวิชาคณิตศาสตร์ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ
จึงได้ค้นคว้าหาวิธีที่จะทำให้นักเรียนได้มีความคิดเป็น จึงได้พบกับเทคนิคการสอนให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์
และได้นำมาเผยแพร่เพื่อให้ผู้อื่นได้รับทราบและสามารถนำไปใช้กับลูกและนักเรียนได้ หัวใจสำคัญของการคิดสร้างสรรค์ ก็คือ “การไม่จำกัดวิธีคิดในการทำ”
ดังนี้
1) กระตุ้นเด็กเสมอว่า วิธีแก้ปัญหาโจทย์ที่ครูสอนไม่ได้เป็นวิธีเดียวที่ทำได้ เด็กสามารถคิดวิธีอื่นก็ได้ ถ้าเด็กทำวิธีอื่นมา ครูต้องตรวจสอบให้ด้วยว่าวิธีนั้นถูกต้องจริงหรือไม่
ในการสอบ ครูอาจจะอนุญาตให้เด็กคิดวิธีไหนก็ได้ หรืออาจจะจำกัดให้เด็กใช้วิธีที่เราสอนก็ได้ เพื่อตรวจสอบว่าเด็กเข้าใจเทคนิคหรือแนวคิดที่เราสอนหรือไม่ ตรงนี้ต้องชี้แจงเด็กให้ชัดเจนก่อนสอบ
2) เวลาสอนเด็กเราอาจสอนโดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง แต่เมื่อเด็กคิดวิธีใหม่ได้ถูกต้อง ให้พูดชมเสริมแรง เช่น “เยี่ยมมากเลย” “การทำวิธีนี้ ปกติคนอายุเท่ากับหนูจะคิดไม่ได้ ครูว่าหนูเก่งมากๆ” และ
“วิธีนี้พ่อไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกของพ่อจะคิดได้ มันสุดยอดมากๆ” เป็นต้น ซึ่งคำพูดเหล่านี้จะทำให้เด็กรู้สึกดี กับวิชาคณิตศาสตร์ไปอีกนานหรือตลอดไป
3) เมื่อเด็กบอกคำตอบ หรือเขียนแสดงวิธีทำ ต่างจากเฉลยที่ผู้สอนมี ก็อย่ารีบตัดสินว่าเด็กทำผิด แต่อาจถามว่า “ครูอยากรู้จังเลยว่าหนูคิดอย่างไร ช่วยทำให้ครูดูหน่อยได้ไหม” วิธีนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงสิ่งที่เขาคิด เราอาจจะได้เจอวิธีหาคำตอบแบบใหม่ที่น่าสนใจ (เพราะโจทย์บางข้อมีคำตอบและวิธีคิดหลายแบบมาก ในกรณีที่ชัดเจนแล้วว่าเด็กคิดคำตอบหรือแสดงวิธีทำผิด เราก็ไม่ควรพูดทำร้ายความรู้สึกเด็ก แต่ควรให้กำลังใจแทน เช่น “ลองคิดใหม่อีกสักทีไหม” “ไม่เป็นไร คิดผิดนิดเดียวเอง”
“วิธีการที่หนูทำก็น่าสนใจนะ เพียงแต่มันใช้กับโจทย์ข้อนี้ไม่ได้ ลองวิธีอื่นดูนะ” “เรื่องคิดผิดเป็นเรื่องธรรมชาติ ขนาดครูสอนคณิตครูก็ยังคิดเลขผิดได้เลย” “จุดนี้เป็นจุดที่หนูทำยังไม่ถูก ซึ่งคนหลายคนก็มักจะทำผิด แม่เองก็เหมือนกัน ลองคิดใหม่อีกทีนะ” สำหรับคำพูดที่ให้ความรู้สึกในทางลบไม่ควรนำมาใช้กับเด็ก อาทิ “ทำผิดอีกแล้วนะ ทำไมโจทย์เลขง่ายๆ แค่นี้ หนูก็คิดไม่ได้หรอ”
4) เอาโจทย์ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์โดยตรงไปให้เด็กทำเสมอ ๆ ซึ่งอาจหามาจากหนังสือเกมหรือโจทย์คณิตศาสตร์ที่วางขาย หรือ “โจทย์ลับสมอง” ในกรณีที่ครูไม่สามารถหาโจทย์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สอน ครูก็ยังให้โจทย์คณิตศาสตร์ทั่วไป โดยทำตอนต้นคาบเรียน หรือให้เด็กทำเป็นการบ้านแล้วเฉลยวิธีคิดในคาบถัดไป โดยให้เด็กที่ทำได้มาแสดงวิธีคิดให้เพื่อนดู แล้วคุณครูก็เสริมแรงโดยการพูดชื่นชมเขาต่อหน้าเพื่อนๆ
สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว การได้แก้โจทย์คณิตศาสตร์แปลกๆ ท่านก็จะได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ไปด้วย
ที่มา Dr.Noom MathLover ดร.อติชาต เกตตะพันธุ์ (อ.หนุ่ม)
อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบบทความดีมากค่ะ
ตอบลบขออ่านอีกทีนะ
ตอบลบดีมากค่ะ
ตอบลบ