...นางกรุณา
หมวดมณี
ครูโรงเรียนวัดอภยาราม...
ใกล้สอบ...ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (O-NET) ปลายเดือนกุมภาพันธ์ การสอบเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ในโรงเรียนยอดนิยมกลางเดือนมีนาคม
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6 เนื้อหาสาระทางวิชาการและข้อมูลต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันต้องอาศัยการอ่าน จึงจะสามารถเข้าใจและสื่อความหมายกันได้ถูกต้อง
การแสวงหาความรู้นั้น ทักษะการอ่านเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญที่สุด
การอ่านเป็นการส่งเสริมให้เกิดความคิด ความฉลาด รอบรู้และประสบการณ์ตรงแก่ผู้เรียน
การอ่านมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวันของผู้ที่ใฝ่ศึกษาหาความรู้ทั้งยังช่วยให้จิตใจมีความสุขและเพลิดเพลินอีกด้วย
ดังที่วรรณี โสมประยูร (2539 : 120) กล่าวว่า“แม้จะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดต่อสื่อสารก็ไม่สามารถทดแทนการอ่านได้ ตรงกันข้ามคนในยุคนี้กลับจะต้องอ่านเพิ่มขึ้นเสียอีก
ฉะนั้นคนเราจำเป็นต้องมีทักษะในการอ่าน”
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทักษะสำคัญในการเรียน คือ
การอ่าน เพราะเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในการศึกษาหาความรู้ การติดต่อสื่อสาร
การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การอ่านเป็นเครื่องมือในการรับข้อมูลข่าวสาร
ครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนเป็นนักอ่านที่ดี
โดยเฉพาะสำหรับสังคมไทย เมื่อออกจากโรงเรียนไปทักษะการอ่าน เป็นทักษะที่จะต้องใช้มากที่สุดในชีวิตประจำวัน
เพราะการอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำไปสู่ความรู้ทั้งปวง ทำให้ได้รับรู้ข่าวสาร
ช่วยเสริมสร้างความคิดและประสบการณ์ (ดุษฎี
นาหาร,
2553)
การอ่านที่ดีมีประสิทธิภาพนั้นมิใช่แต่เพียงผู้อ่านสามารถอ่านออกเสียงได้ถูกต้อง
อ่าน รวดเร็ว หรือจดจำเรื่องที่อ่านได้เท่านั้นสิ่งสำคัญอยู่ที่ผู้อ่านจะต้อง “ความเข้าใจ”
(Comprehension) ในเรื่องราวหรือสาระสำคัญของเนื้อหาที่อ่านด้วย
เมื่อผู้อ่านเกิดความเข้าใจในสิ่งที่อ่านแล้วสามารถ นำสิ่งที่ตนอ่านจนเกิดความเข้าใจไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการศึกษาเล่าเรียนได้
ความเข้าใจเนื้อหาสาระที่อ่านจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ
เนื่องจากการอ่านมิใช่เป็นเพียงการ ตีความหมายจากตัวอักษรเท่านั้น
แต่เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวอักษรและกระบวนการภายในสมอง ผู้อ่านต้องใช้ความคิดเพื่อสร้างความหมาย
โดยนำเอาความรู้ประสบการณ์เดิมที่มีอยู่เกี่ยวกับ เรื่องที่อ่านออกมาช่วยทำความเข้าใจเรื่องราวที่อ่าน
และความเข้าใจที่ถูกต้องจะเกิดขึ้นจากการที่ผู้อ่านสามารถเชื่อมโยงพื้นฐานความรู้เดิมให้สอดคล้องกับข้อมูลที่อ่านได้
(Ediger, 2001)
ซึ่งทักษะการอ่านและกลวิธีการอ่านเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการอ่านเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
เนื่องจากผู้อ่านต้องใช้ความคิดแก้ปัญหาหรือให้เหตุผลโดยใช้การวิเคราะห์ จำแนก
ตัดสิน ประเมิน และ สังเคราะห์สิ่งที่อ่านให้เกิดความเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ (Hayashi,
1999)
การสอนอ่านแบบ
SQ4R เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ได้รับการ
พัฒนาบนพื้นฐานแนวคิดการเรียนการสอนภาษา จากทฤษฎีอภิปัญญา
(Metacognitive theory) ซึ่ง
เป็นแนวคิดหนึ่งของจิตวิทยาการเรียนรู้ อภิปัญญากับการอ่านนั้นหมายถึง วิธีการ
ขั้นตอนที่จะทำให้การอ่านบรรลุตามเป้าหมาย มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ส่วนคือ
ความตระหนักรู้ และการควบคุม กลไกที่ใช้ในกระบวนการสอนอ่าน
ในขณะเดียวกันการสอนอ่านแบบ SQ4R ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้
ทฤษฎีโครงสร้างความรู้ เพราะโครงสร้างความรู้มีหน้าที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหา
เลือกข้อมูลที่ต้องการ หาคำตอบ และยังช่วยตีความเรื่องราวที่อ่าน
หากมีข้อมูลบางส่วนหายไปการใช้โครงสร้างความรู้จะช่วยทบทวนข้อมูลจากความทรงจำของตนเอง
เพื่อทำให้เรื่องราวที่ขาดหายไปสมบูรณ์ (พัชชา กรีรัมย์, 2555)
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R หมายถึง
การออกแบบกระบวนการจัดกิจกรรม
การเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในการอ่าน โดยให้ผู้เรียนใช้ความสามารถในการคิดขณะอ่าน
เพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่าน ซึ่งประกอบด้วย 6 ขั้นตอน
ดังนี้
1) ขั้นสำรวจ (Survey) ผู้สอนให้นักเรียนสำรวจเรื่องราวที่ได้อ่านอย่างคร่าว ๆ เพื่อหาจุดสำคัญของเรื่อง การอ่านขั้นนี้ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป
2) ขั้นตั้งคำถาม (Question) ผู้สอนควรตั้งคำถามเกี่ยวกับบทอ่านกับนักเรียน เพื่อฝึกการตอบคำถาม คำถามจะช่วยให้ผู้อ่านมีความอยากรู้อยากเห็น
และทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้เร็ว
3) ขั้นอ่าน (Read) การอ่านข้อความในบทหรือตอนนั้น
ๆ ซ้ำอย่างละเอียดและในขณะเดียวกันก็ค้นหาคำตอบสำหรับคำถามที่ได้ตั้งไว้ ในขั้นนี้เป็นการอ่านเพื่อจับใจความสำคัญโดยแท้จริง
และตอบคำถามที่ตั้งไว้
4) ขั้นบอกคำตอบอีกครั้ง (Record) เมื่อได้คำตอบแล้วให้ผู้เรียนจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้อ่านจากขั้นตอนที่
3 โดยใช้ภาษาของตนเองเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นและสามารถจำคำตอบนั้นได้
โดยคำตอบนั้นต้องคงความหมายเดิมของเรื่องเอาไว้
5) ขั้นสรุปใจความสำคัญ (Recite) ให้ผู้เรียนเขียนสรุปใจความสำคัญซึ่งประกอบด้วยใจความหลักและใจความรอง โดยพยายามใช้ภาษาของตนเอง
ถ้ายังไม่แน่ใจบทใดหรือตอนใดให้กลับไปอ่านซ้ำใหม่
6) ขั้นทบทวน (Reflect) ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ วิจารณ์ บทอ่านที่ผู้เรียนได้อ่านแล้วแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ผู้เรียนมีความคิดเห็นสอดคล้องหรือความคิดเห็นไม่สอดคล้องเป็นการทบทวนเรื่องที่อ่านทั้งหมด
ในขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนว่าจดจำหรือเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้มากน้อยแค่ไหน
หากส่วนไหนที่ยังจดจำไม่ได้ก็กลับไปอ่านซ้ำและทบทวน ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดที่ชัดเจนและมีความคงทนในการจดจำอีกด้วย
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R นั้นจะช่วยสร้างนิสัยการอ่านที่ดีและมีประสิทธิภาพในการอ่านได้ดี
จะทำให้การอ่านมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนว่าต้องการอะไรหลังการอ่าน
อ่านแล้วอาจจะจับจุดสำคัญหรืออ่านไปแล้วใช้จุดมุ่งหมายเหมือนกับการเหวี่ยงแห ไม่รู้ว่าจะจับอะไร
ได้อะไรหรือไม่ แต่ถ้ามีการใช้คำถามจะช่วยให้ผู้เรียนได้แนวคิดจากคำถามและพยายามหาคำตอบเมื่อผู้สอนถาม
ดังนั้น การใช้คำถามจึงเป็นแนวทางที่จะทำให้ผู้เรียนอ่านอยู่ในขอบเขตที่ตั้งไว้ แล้วจะทำให้เข้าใจดีขึ้นเมื่อผู้เรียนได้รับการฝึกฝนจนคล่องแคล่วและชำนาญแล้ว
ผู้เรียนสามารถใช้ทักษะการอ่านกับการอ่านตำราเรียนวิชาอื่น ๆ ได้หรือการอ่านสื่อในชีวิตประจำวันได้ถือว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สมบูรณ์อีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อเตรียมตัวสอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งก่อนก้าวสู่อนาคตที่วาดหวังไว้
ขอบคุณครูกรุณาค่ะ
ตอบลบดีมากค่ะ
ตอบลบให้เทคนิคและข้อคิดดีมาก ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ