กิจกรรม...กวนข้าวยาคู....
...ชมขวัญ ขุนวิเศษ…
...พิพัฒน์ ทองต้ง...
ประวัติความเป็นมา
ข้าวยาคูหรือข้าวยาโค
เป็นชื่อที่คนภาคใต้เรียกกันทั่วไป ในพุทธประวัติเรียกว่า “ ข้าวมธุปายาสยาคู”
ซึ่งเป็นข้าวที่นางสุชาดานำไปถวายพระพุทธเจ้า
พุทธศาสนิกชน
มีความเชื่อเกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติตอนนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสยาคู
มีใจความสรุปได้ดังนี้
“ในตอนเช้าหนึ่ง นางสุชาดาบุตรีกระฎุมพี นายใหญ่แห่งบ้านเสนานิคม ณ ตำบลอุรุเวลา ปรารถนาจะทำการบวงสรวงเทวดา จึงหุงข้าวมธุปายาสยาคู คือข้าวสุกหุงด้วยน้ำนมโคล้วน เสร็จแล้วจัดลงในถาดทองคำนำไปที่ต้นโพธิ์ ในตอนเช้าของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน๖ ปีระกาเห็นมหาบุรุษประทับนั่งอยู่ สำคัญว่าเป็นเทวดาจึงน้อมนำข้าวมธุปายาสยาคูเข้าไปถวาย ในเวลานั้นบาตรของพระองค์อันตรธานหายไปพระองค์จึงทรงรับข้าวมธุปายาสยาคู ด้วยพระหัตถ์แล้วทอดพระเนตรแลดูนาง นางทราบพระอาการจึงทูลถวายทั้งถาดแล้วกลับไป มหาบุรุษทรงถือถาดข้าวมธุปายาสยาคูเสด็จไปสู่ท่าน้ำแห่งแม่น้ำเนรัญชรา เมื่อสรงน้ำแล้วจึงได้เสวยข้าวมธุปายาสยาคู ซึ่งปั้นเป็นก้อนได้ ๔๙ ก้อน ทรงเสวยจนหมด แล้วทรงอธิฐานลอยถาดเสี่ยงบารมี” หลังจากพระองค์ได้เสวยข้าวมธุปายาสยาคู ของนางสุชาดาแล้วก็ได้ทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณในคืนนั้นเอง
“ในตอนเช้าหนึ่ง นางสุชาดาบุตรีกระฎุมพี นายใหญ่แห่งบ้านเสนานิคม ณ ตำบลอุรุเวลา ปรารถนาจะทำการบวงสรวงเทวดา จึงหุงข้าวมธุปายาสยาคู คือข้าวสุกหุงด้วยน้ำนมโคล้วน เสร็จแล้วจัดลงในถาดทองคำนำไปที่ต้นโพธิ์ ในตอนเช้าของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน๖ ปีระกาเห็นมหาบุรุษประทับนั่งอยู่ สำคัญว่าเป็นเทวดาจึงน้อมนำข้าวมธุปายาสยาคูเข้าไปถวาย ในเวลานั้นบาตรของพระองค์อันตรธานหายไปพระองค์จึงทรงรับข้าวมธุปายาสยาคู ด้วยพระหัตถ์แล้วทอดพระเนตรแลดูนาง นางทราบพระอาการจึงทูลถวายทั้งถาดแล้วกลับไป มหาบุรุษทรงถือถาดข้าวมธุปายาสยาคูเสด็จไปสู่ท่าน้ำแห่งแม่น้ำเนรัญชรา เมื่อสรงน้ำแล้วจึงได้เสวยข้าวมธุปายาสยาคู ซึ่งปั้นเป็นก้อนได้ ๔๙ ก้อน ทรงเสวยจนหมด แล้วทรงอธิฐานลอยถาดเสี่ยงบารมี” หลังจากพระองค์ได้เสวยข้าวมธุปายาสยาคู ของนางสุชาดาแล้วก็ได้ทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณในคืนนั้นเอง

ด้วยอานิสงส์ จุลกาลจึงถือกำเนิดเป็นพราหมณ์อัญญาโกณฑัญญะ เมื่อได้ฟังธรรมจักกัปปวัตนสูตร พระปฐมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เกิดดวงตาเห็นธรรมทันที ได้อุปสมบทเป็นเอหิภิกขุอุป-สัมปทาเป็นอรหันตสาวกองค์แรก
เดือนสามเป็นระยะเวลากำหนดกวนข้าวยาคู เพราะข้าวในนากำลังออกรวง
เมล็ดข้าวยังไม่แก่กำลังเป็นน้ำนมข้าวสำหรับนำมากวนข้าวยาคู
ชาวบ้านจึงนิยมกวนข้าวยาคูในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ และ ๑๔ ค่ำ เดือน๓ โดยใช้วัดเป็นสถานที่กวนข้าวยาคู
เพราะว่าวัดเป็นศูนย์รวมของประชาชน
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนเชื่อว่าข้าวยาคูเป็นอาหารทิพย์ให้สมองดีเกิดปัญญาแก่ผู้บริโภค
ทำให้ผิวพรรณผ่องใส อายุยืนยาว และเป็นโอสถขนานเอก ขจัดโรคร้ายทุกชนิด
และบันดาลความสำเร็จในการประกอบอาชีพเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริโภคด้วย
ดังนั้น โรงเรียนวัดอภยาราม ได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของประเพณีที่มีความสัมพันธ์กับสังคมเกษตรกรรม
คือให้ความสำคัญต่อข้าวหรือน้ำนมข้าวซึ่งเป็นพืชหลักของชาวไทยดังกล่าว จึงได้เข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชน ในงานมหกรรมกวนข้าวยาคูประจำปี 2556 ณ
เทศบาลตำบลท่าแค เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา มีความรักความสามัคคีในหมู่ญาติและมิตรสหาย
เพราะต้องร่วมแรงร่วมใจในการจัดหาอุปกรณ์ เครื่องปรุงซึ่งการกวนต้องใช้ทั้งเวลาและผู้คน
มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันโดยแบ่งปันข้าวยาคู
แม้ไม่ได้มาร่วมกวนข้าวยาคู
ก็จะได้รับข้าวยาคูเป็นของฝากให้ได้รับประทานทั่วถึงกันทุกคน อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์และปฏิบัติตามประเพณีที่ดีงาม
เป็นการถ่ายทอดประเพณีให้แก่เยาวชนได้เรียนรู้ถึงวิธีการกวนข้าวยาคู
เพื่อสืบทอดประเพณีให้คงอยู่ตลอดไป